+การเมือง

ชาวเขาประกาศจุดยืน รวมตัวตั้ง “พรรคพลังชาติพันธุ์” พร้อมลุยการเมืองทั้ง ส.ส.-ท้องถิ่น

นายสุพจน์ หลี่จา นายกสมาคมสร้างเสริมสุขภาวะชุมชนชาติพันธุ์ นางรุจิรา ใจจักร์ นายกสมาคมเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรมชาวอ่าข่าเชียงราย นายวุฒิพงษ์ สวรรค์โชติ นายกสมาคมลาหู่ในประเทศไทย ฯลฯ พร้อมด้วยกลุ่มชาติพันธุ์ในเชียงราย ประมาณ 700 คน ได้ร่วมกันจัดประชุมขึ้นที่ห้องแกรนด์ราชพฤกษ์ โรงแรมทีค การ์เด้น รีสอร์ท อ.เมืองเชียงราย เพื่อประกาศจัดตั้ง “พรรคพลังชาติพันธุ์”

ภายในงานมีการจัดแสดงของกลุ่มชาติพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์และประเพณีพื้นเมือง ก่อนที่ ดร.บัณฑิต แสงเสรีธรรม จะทำหน้าที่ในการประชุมเพื่อการจัดตั้งพรรคอย่างเป็นทางการ โดยมีตัวแทนจากคณะกรรมการการเลืออกตั้ง (กกต.) จ.เชียงราย เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

โอกาสนี้ ดร.บัณฑิตและคณะ ได้นำ เสนอเรื่องพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้ยพรรคการเมือง ปี 2560 และระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งพรรคการเมือง โดยเฉพาะการดำเนินการให้มีสมาชิกพรรคจำนวน 500 คน จึงจัดประชุมรวมพลังกลุ่มชาติพันธุ์ทุกชนเผ่า เพื่อจะร่วมขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา พัฒนาและผลักดันเรื่องต่าง ๆ

จากนั้น ได้จัดให้มีการเสนอชื่อและเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและผู้ที่จะเข้าดำรงตำแหน่งต่าง ๆ ภายในพรรค ปรากฏว่าที่ประชุมมีมติเลือก นายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นหัวหน้าพรรคคนแรก และมีรองหัวหน้าพรรคจำนวน 8 คน ที่มาจากกลุ่มชาติพันธุ์เผ่าต่างๆ เช่น อาข่า ม้ง ปกาเกอะญอ เมี่ยน ลาหู่ ฯลฯ และบางส่วนเป็นคนไทยพื้นราบ ขณะที่นายบัณฑิต แสงเสรีธรรม ได้รับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการพรรค นายสุพจน์ หลี่จา เป็นโฆษกพรรค

นายชาญยุทธ เฮงตระกูล หัวหน้าพรรคพลังชาติพันธุ์ป้ายแดง กล่าวว่า การรวมตัวกันครั้งนี้ เพราะต่างมีอุดมการณ์ร่วมกัน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 10 ล้านคน เป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 7 ล้านคน ต่างต้องการให้มีการพัฒนาด้านต่างๆ เช่น สิทธิที่ดินทำกิน เป็นต้น แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการแก้ไขปัญหา ดังนั้นพวกเราจึงต้องมีตัวแทนเพื่อให้เข้าไปผลักดันเรื่องต่างๆ เหล่านี้เอง

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพรรคการเมืองต้องทำงานให้กับทุกจังหวัดทั่วประเทศ ดังนั้นหากได้รับเลือกตั้งก็จะผลักดันการพัฒนาด้านอื่น ๆ ไปพร้อม กัน

ทั้งนี้ หลังจากตั้งพรรคแล้วจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ลงสมัครรับเลือกตั้งทั้ง 250 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งหากมีการเลือกตั้ง ส.ส. ก็คาดว่าพรรคจะได้ที่นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง ซึ่งก็เพียงพอที่จะเป็นตัวแทนในการผลักดันการเสนอข้อกฎหมายต่างๆ ได้ต่อไป กรณีนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ก็จะพิจารณาบุคคลที่มีความสนใจในนโยบายของพรรค ซึ่งก็เปิดกว้างให้เข้ามาร่วมกันได้

ด้านนายวุฒิพงศ์ สวรรค์โชติ รองหัวหน้าพรรค กล่าวว่า ในอดีตนักการเมืองที่ไปหาเสียงกับชาวบ้าน โดยเฉพาะบนพื้นที่สูงที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์มักอ้างว่าจะรับใช้ประชาชน แต่เมื่อได้รับเลือกตั้งก็มักหายเข้ากลีบเมฆ เมื่อมองย้อนไปที่กลุ่มชาติพันธุ์ในปัจจุบันพบว่า มีศักยภาพมากขึ้น การศึกษาของแต่ละคนก็ดี จึงถึงเวลาที่จะจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง เพื่อผลักดันการพัฒนาด้านต่าง ๆ

นายวุฒิพงศ์ กล่าวอีกว่า ลำดับต้นๆ คือการแก้ไขปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ เช่น ขณะที่พื้นราบมีการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค แต่บนภูเขากลับมีปัญหา ทั้งถนน ประปา ไฟฟ้า สิทธิที่ดินทำกิน การประกาศเขตป่าต่างๆ ฯลฯ ที่ผ่านมาเราไม่มีตัวแทนที่เข้าใจปัญหาพื้นที่มากที่สุดมาก่อน ดังนั้นเมื่อมีพรรคการเมืองจะทำให้มีตัวกลางที่ทำให้โครงการพัฒนาต่างๆ คล่องตัวมากขึ้น โดยเฉพาะ จ.เชียงราย ที่มีประชากร 1.2 ล้านคน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ 30-40% หากว่าไม่ได้รับเลือกตั้ง ก็ยังสามารถทำกิจกรรมนอกสภาฯ ได้ด้วย ส่วนกรณีที่จะมีพรรคการเมืองอื่นๆ เข้าแทรกแซงนั้น ตนมีความกังวลอยู่บ้าง แต่เนื่องจากเราเน้นการสร้างสรรค์ ไม่พยายามขัดแย้ง ไม่พยายามบอกว่าใครดีไม่ดี จึงเชื่อว่าจะสามารถก้าวหน้าไปได้.